ศาลาพระแก้วมรกตและพระแก้วหยกขาวจักรกกรด

วันศุกร์ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2554

ศาลาพระแก้วมรกตและพระแก้วหยกขาวจักรกรด(สุธี ศรีพระรัตนตรัย 1)

          ของบางสิ่งเกิดมาเพื่อคู่กับคนบางคน ถึงแม้ว่าตนจะอวดอ้างว่ามีบารมีที่สูงส่งและพยายามแย่งชิงสักเพียงไหน ก็มิอาจครอบครองของสิ่งนั้นได้ เพราะของสิ่งนั้นไม่คู่ควรและไม่ใช่ของๆตน

พระแก้วหยกขาวจักรกรด ประดิษฐานอยู่ที่ศาลาพระแก้วมรกต 
     

       อย่าให้ความสำคัญกับคนที่ไม่เคยให้ความจริงใจ ถึงแม้ว่าเราจะทำดีสักเพียงแค่ไหน เขาก็ไม่เคยมีความจริงใจให้กับเราอยู่ดี
   ปรัชญาชีวิตจาก...สุธี ศรีพระรัตนตรัย
                     
สมเด็จพระสังฆราชประทานพระบรมสารีริกธาตุ
                               

          เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2550 สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ได้ประทานพระบรมสารีริกธาตุ เพื่อนำมาประดิษฐานบรรจุไว้ที่พระเกศของพระแก้วหยกขาวจักรกรด ณ.ศาลาพระแก้วมรกต อ.ลาดยาว จ.นครสวรรค์
   
    ชีวิตนี้น้อยนักแต่ชีวิตนี้สำคัญนัก เป็นหัวเลี้ยวหัวต่อ เป็นทางแยกจะไปสูงไปต่ำ จะไปดีไปร้าย เลือกได้ในชีวิตนี้เท่านั้น พึงสำนึกข้อนี้ให้จงดี แล้วจงเลือกเถิด เลือกให้ดีเถิด...สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช



คุณสุธี  ศรีพระรัตนตรัย(ประธานโครงการ) 
    คุณสุธี ศรีพระรัตนตรัย เกิดวันศกร์ที่ 23 กันยายน 2509 ที่บ้านดอนโม่ อ.ลาดยาว จ.นครสวรรค์ บิดาชื่อนายฮุย แซ่ลิ้ม มารดาชื่อนางตุ้ย แพรสีนวล มีพี่น้องทั้งหมด คน คนแรกชื่อนายสมชาย บัณฑิตศิละศักดิ์ คนที่สองชื่อนายอนุชิต บัณฑิตศิละศักดิ์ คนที่สามชื่อนายอนุสรณ์ บัณฑิตศิละศักดิ์
  จบการศึกษาจากโรงเรียนลาดยาววิทยาคม ( มัธยมต้น ) - วิทยาลัยเทคนิคนครสวรรค์ (ป.ว.ช.) - มหาวิทยาลัยรามคำแหง (นิติศาสตร์บัณฑิต) สมรสกับนางจินดามณี ศรีพระรัตนตรัย มีบุตร คน คนแรกชื่อ ด.ช.นภาปทาน แพรสีนวล คนที่สองชื่อ ด.ญ.นัฐวรรณ ศรีพระรัตนตรัย อุปนิสัยส่วนตัวเป็นคนชอบสันโดด รักความสงบ ชอบอ่านหนังสือธรรมะและชอบฟังอภิธรรม ส่วนหนังสือธรรมะที่ชอบที่สุดชื่อตายแล้วไปไหน-กรรมและการให้ผลของกรรม เมื่ออ่านแล้วทำให้เกิดมีศรัทธาและนำมาซึ่งประพฤติปฏิบัติธรรม จึงได้ทราบว่าธรรมทั้งหลายที่มีอยู่สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือใจเรานั่นเอง ดั่งที่พระพุทธองค์ได้ทรงตรัสเอาไว้ว่า ธรรมทั้งหลายมีใจเป็นหัวหน้า มีใจประเสริฐสุด สำเร็จด้วยใจถ้าบุคคลมีใจดีแล้วจะพูดหรือทำก็ตามสุขย่อมตามเขาไปเพราะสุจริต อย่าง กายสุจริต วจีสุจริต มโนสุจริต เหมือนเงาที่ไม่พรากจากตนฉันนั้น
   สถานที่อยู่ที่สามารถติดต่อได้20/800ถนนป๊อปปูล่า ต.บ้านใหม่ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี 11120
    ความดีนั้นไม่มีวันคุกเข่าให้ความชั่วอย่างเด็ดขาด ถึงแม้บางคราวความชั่วนั้นจะมีกำลังมากกว่าความดีก็ตาม แต่ความชั่วนั้นเป็นสิ่งไม่ยั่งยืน สักวันความชั่วนั้นมันก็จะจางหายไป ความดีย่อมปรากฎเด่นชัด ดุจดั่งเมฆหมอกที่บดบังดวงจันทร์ ไม่นานเมฆนั้นก็จางหายไป รัศมีของดวงจันทร์ก็ปรากฎปรากฎเด่นชัดฉะนั้น
ปรัชญาชีวิตจาก สุธี ศรีพระรัตนตรัย

    รูปอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุซึ่งได้รัประทานจากสมเด็จพระสังฆราช
                     

                            

       
       เพชรแม้ตกหล่นอยู่ในโคลนตรมย่อมต้องคือเพชรวันยังค่ำ ถึงแม้ว่าบางครั้งที่เราต้องอยู่ตามลำพังเพียงคนเดียวนั้นไม่ได้หมายความว่าเราถูกโดดเดี่ยวเดียวดายหรอกนะ แต่นั่นหมายถึงเรามีความเข้มแข็งเพียงพอที่จะสามารถยืนหยัดด้วยตัวของเราเองได้ตั่งหากเล่า เหรียญย่อมมีสองด้านเสมอ นั่นแหละเป็นโอกาสที่ให้เราได้แสดงศักยาภาพอันแท้จริงที่เรามีอยู่ออกมาว่าเราจะสามารถก้าวผ่านปัญหาทั้งปวงไปสู่จุดหมายปลายทางได้หรือไม่ และถ้าเราสามารถก้าวผ่านอุปสรรคทั้งหลายไปยืนอยู่ที่จุดหมายปลายทางได้ เมื่อนั้นแหละเราย่อมได้ชื่อว่าเพชรในโคลนตรม
ปรัชญาชีวิตจาก...สุธี ศรีพระรัตนตรัย
                                              
 ปาฏิหาริย์พระบรมสารีริกธาตุเปลี่ยนแปลงไปอย่างน่าอัศจรรย์
     

    วันที่ 25 กรกฎาคม 2558 ผมได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุที่ได้ประดิษฐานอยู่ในอุโบสถชั่วคราวมาประดิษฐานที่ศาลาพระแก้วมรกตอย่างเป็นทางการเพื่อรอการบรรจุที่พระเกศของพระแก้วหยกขาวจักรกรด และได้เปิดพระอบที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุให้สายบุญทั้งหลายได้เยี่ยมชมกัน ซึ่งก็รู้สึกอัศจรรย์ใจเป็นยิ่งนัก เพราะพระบรมสารีริกธาตุได้เปลี่ยนแปลงไปจากเมื่อ8ปีที่แล้วอย่างน่าอัศจรรย์ จากจำนวนที่ได้รับประทานมาเพียงแค่9ถึง10องค์ ก็เพิ่มขึ้นเป็นหลักร้อย และจากเดิมที่มีสีขาวขุ่น มีสีโอรสขิบข้างๆคล้ายเปลือกหอย ก็ได้เปลี่ยนเป็นหลากสี มีสีสันสวยสดงดงาม คล้ายเพชรนิลจินดาดั่งปรากฏดั่งรูปด้านบน ซึ่งทำให้ตื่นตาตื่นใจแก่บรรดาสายบุญทั้งหลายที่ได้เยี่ยมชมกันเป็นอย่างยิ่ง 

       ดอกบัวเกิดและเจริญงอกงามในน้ำ แต่ไม่ติดน้ำทั้งส่งกลิ่นหอมชื่นชูใจให้รื่นรมย์ฉันใด พระพุทธเจ้าทรงเกิดในโลกแต่ไม่ติดโลกเหมือนบัวไม่ติดน้ำฉันนั้น ดอกบัวมีกลิ่นหอมน่ารื่นรมย์ใจ ย่อมเกิดในกองขยะที่ประชาชนนำไปทิ้งไว้ ณ.หนทางใหญ่ฉันใด สาวกของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ฉันนั้น ย่อมรุ่งเรืองยิ่งด้วยปัญญาท่ามกลางปุถุชนผู้มืดบอดสางได้ยาก เหมือนกองขยะที่เขาทิ้งไว้ในทางใหญ่ฉันนั้น      
       พระพุทธเจ้าผู้ทำความสว่างเกิดขึ้นในโลก พระองค์ย่อมประกาศธรรมสำหรับดับทุกข์นี้ ชนใดประพฤติธรรมในธรรมที่พระพุทธเจ้ากล่าวดีแล้ว ชนเหล่านั้นจักข้ามแดนมฤตยูที่ข้ามได้ยาก...พระไตรปิฎกเล่มที่๒๐ข้อที่๑๓๙,๑๔๐เอกปุคคลบาลี เอกปุคคลวรรคที่๓หน้า๑๘๑

  ประวัติความเป็นมาของศาลาพระแก้วมรกต     


 ศาลาพระแก้วมรกตนั้นได้เริ่มโครงการขึ้นเมื่อวันที่15เมษายน2548โดยแรกเริ่มเดิมทีนั้นก่อนที่โครงการนี้จะเริ่มขึ้น ผมได้ร่วมกับสายบุญหลายท่านอธิเช่นคุณพีรวรรณ - คุณวันดี วรรธนะเมธาวงศ์,คุณปรีชา จันทรุไทย- คุณยุภา บัณฑิตพรสกุลพร้อมคณะหลายท่านได้เดินทางไปร่วมทำบุญเป็นเจ้าภาพงานบุญหลายแห่งเช่นเป็นเจ้าภาพยกช่อฟ้า-ตัดลูกนิมิตอุโบสถ์วัดหนองนกกวัก อ.จักราช จ.นครราชสีมา พอดีผมได้ชักชวนคุณแม่ตุ้ย แพรสีนวลพร้อมน้าอุบลและญาติพี่น้องเดินทางไปด้วย ซึ่งญาติพี่น้องเห็นผมพร้อมคณะสายบุญมีจิตศรัทธา จึงได้ขอร้องและชักชวนให้มาช่วยพัฒนาวัดดอนโม่ ซึ่งเป็นวัดบ้านเกิดของผมบ้าง ผมก็รับปากและได้ตกลงกันว่าจะมาช่วยสร้างศาลาธรรมสังเวชที่ยังสร้างค้างไว้อยู่หลายสิบปี แต่ยังไม่แล้วเสร็จ ครั้นแล้วผมจึงได้ชักชวนสายบุญจากกรุงเทพพร้อมญาติพี่น้องและชาวบ้านดอนโม่จัดทอดผ้าป่าขึ้นในวันที่15เมษายน2548โดยได้ยอดเงินครั้งแรกเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น238,455บาทจึงได้จัดตั้งคณะกรรมการพร้อมทั้งได้ดำเนินการจัดจ้างช่างเพื่อดำเนินการก่อสร้างในทันที ศาลาธรรมสังเวชหลังเก่าถูกทุบทิ้งแล้ววางรากฐานใหม่ โดยทีแรกคิดว่าคงจะใช้งบประมาณเพียง3-4แสนบาทเท่านั้น ซึ่งผมพร้อมคณะพร้อมญาติพี่น้องและชาวบ้านดอนโม่ก็จัดทอดผ้าป่าเพื่อหางบขึ้นอย่างต่อเนื่องและหลังจากขึ้นโครงการของศาลาเสร็จเรียบร้อยแล้วจึงเกิดความคิดขึ้นมาว่าทำอย่างไรดีหนอถึงจะทำให้วัดดอนโม่ซึ่งเป็นวัดบ้านนอกให้เป็นที่รู้จักแพร่หลายเหมือนดั่งเช่นวัดดังๆทั้งหลายได้ จึงคิดขึ้นมาได้ว่าขั้นแรกเลยเราจะต้องเปลี่ยนชื่อศาลาให้ดูเป็นอินเตอร์และเป็นสิริมงคลเสียก่อน จึงได้เปลี่ยนชื่อจากศาลาธรรมสังเวชเป็นศาลาพระแก้วมรกตนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ส่วนองค์ประกอบข้อที่สองที่จะทำให้ศาลาพระแก้วมรกตดังได้นั้นก็คือเราจะต้องตกแต่งศาลานั้นให้สวยงามให้เป็นที่ประทับใจของผู้ที่ได้มาพบเห็น ผมจึงรวบรวมรูปแบบวัดและศาลาทั้งหลายเท่าที่มีอยู่และเคยพบเห็นมาและได้นำมาประยุกต์และตกแต่งให้เข้ากับศาลาพระแก้วให้มากที่สุดมรกต โดยติดต่อช่างสิบหมู่และอาจารย์วิทยาลัยช่างในวังทั้งหลายให้ช่วยเป็นที่ปรึกษาและจ้างมาทำให้ในราคางานบุญเพื่อลงตัวที่สุดเท่าที่จะทำได้ ส่วนองค์ประกอบข้อที่สามที่จะทำให้ศาลาพระแก้วมรกตดังได้นั้นก็คือเราจะต้องมีพระบรมสารีริกธาตุมาประดิษฐานไว้ภายในศาลา ผมจึงคิดว่าเราจะต้องขออัญเชิญมาจากสมเด็จพระสังฆราชเท่านั้นที่จะทำให้ผู้ที่ได้มาสักการะบูชามั่นใจได้ว่าเป็นของแท้แน่นอน ผมจึงได้ทำหนังสือเพื่อขอประทานพระบรมสารีริกธาตุจากสมเด็จพระสังฆราชและสมเด็จพระสังฆราชก็ได้ประทานพระบรมสารีริกธาตุให้อัญเชิญมาประดิษฐานไว้ ณ.ศาลาพระแก้วมรกตอย่างเป็นทางการและข้อที่สี่ที่จะทำให้ศาลาพระแก้วมรกตดังได้นั้นก็คือองค์พระในศาลาจะต้องสวยและศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งตอนแรกเลยผมคิดว่าจะจัดสร้างพระแก้วมรกตสีเขียวตามต้นฉบับเพราะว่าศึกษาประวัติความเป็นมาของพระแก้วมรกตแล้วรู้สึกว่าอัศจรรย์ถึงความศักดิ์สิทธิ์และเกิดศรัทธาเป็นอย่างมาก เคยคิดว่าสักครั้งหนึ่งในชีวิตถ้าได้มีโอกาศจัดสร้างองค์พระ ก็จะสร้างพระแก้วมรกตให้ได้เหมือนดั่งตามตำราและแล้วจังหวะพอดีประจวบเหมาะที่ได้มาเริ่มทำโครงการนี้ก็เลยเลือกองค์พระเป็นพระแก้วมรกต โดยวัสดุทีใใช้นั้น แรกเริ่มเดิมทีคิดว่าน่าจะเป็นหยกเขียวแต่ปัญหามีอยู่ว่าหยกเขียวราคาค่อนข้างสูงต้องใช้งบหลายสิบล้านบาทเลยทีเดียว ซึ่งเราสู้ราคาไม่ไหว สุดท้ายจึงได้มาลงตัวที่หยกขาวนำเข้าจากพม่าซึ่งราคาพอไหว จึงได้จัดจ้างบริษท์หยกทองทวีดำเนินการนำเข้าก้อนหยกและแกะเป็นองค์พระดังได้กล่าวมาแล้วข้างต้น  
         สำหรับศาลาพระแก้วมรกตหลังนี้นั้นตอนนี้ได้ถูกตกแต่งอย่างงดงามและได้บรรจุสิ่งศักดิ์สิทธิ์อย่างมากมายไว้ภายในศาลาและตอนนี้ไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะใช้เป็นศาลาธรรมสังเวชตามที่คิดไว้ตั้งแต่ที่แรก ผมจึงได้แปลงเป็นวิหารที่ใช้สักการะบูชาพระแก้วหยกขาวจักรกรดแทน
        สำหรับโครงการก่อสร้างศาลาพระแก้วมรกตนั้น ตอนนี้ก็ได้ล่วงระยะเวลามาแล้วเข้าสู่ปีที่สิบเอ็ดแล้ว ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ ยังมีหลายส่วนที่ต้องตกแต่งและต่อเติม แต่เนื่องด้วยมีขบวนการและอุปสรรคอย่างมากมายที่กรีดขวางเพื่อไม่ให้งานดำเนินก้าวหน้าไปอย่างที่มันควรจะเป็น ผมพร้อมญาติพี่น้องและสายกรุงเทพจึงเห็นสมควรว่าควรปิดโครงการลงแต่เพียงแค่นี้ จึงได้จัดให้มีการทอดผ้าป่าครั้งสุดท้ายเพื่อหาเงินสมทบทุนตกแต่งส่วนที่เหลือ และเตรียมเงินส่วนหนึ่งไว้เพื่อจัดงานฉลองบรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่พระเกศหยกขาวจักรกรดในลำดับต่อไป 

         คำว่าผิด ชอบ ช้่ว ดีนั้น เป็นปัญหาที่ถกเถียงกันอย่างแพร่หลาย ซึ่งก็แล้วแต่มุมมองของแต่ละท่านที่จะพิจารณากันไปตามความชอบ ความพอใจ และตามผลประโยชน์ที่จะได้รับทั้ง ทางตรงและทางอ้อม ถึงแม้ว่าบางครั้งสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่ผิด แต่ถ้าตนและพวกพ้องได้ประโยชน์ จิตใจก็โอนเอียงและเห็นด้วย หรือบางครั้งสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้อง แต่ถ้าตนและพวกพ้องเสียประโยชน์ จิดใจก็คัดค้านและต่อต้าน ฉะนั้นการที่จะพิจารณาคำว่าผิด ชอบ ช้่ว ดี อย่างเที่ยงตรงนั้น เราจะค้องถอนตัวเองออกเสียจากการเป็นผู้มีส่วนได้เสียจากสิ่งนั้นเสียก่อนแล้วค่อยพิจารณาด้วยสติและปัญญา โดยยึดหลักจริยธรรมและคุณธรรม ซึ่งถือว่าสูงกว่าหลักการทั้งปวงเป็นที่ตั้ง เมื่อนั้นเราก็จะเข้าใจคำว่าผิด ชอบ ช้่ว ดี อย่างถูกต้องด้วยตัวของเราเอง
   ปรัชญาชีวิตจาก...สุธี ศรีพระรัตนตรัย


                                                   
      ความเก่งเป็นสิ่งที่ควรมี ความดีเป็นสิ่งที่ควรกระทำ สองสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ควรคู่กัน เก่งนั้นมีคุณอนันต์ แต่ถ้าขาดดี(จริยธรรมคุณธรรม)ก็มีโทษมหันต์ สามารถทุจริตคตโกงได้อย่างแยบยล สามารถสร้างเกาะป้องกันตัว กฎหมายก็ไม่สามารถเอาผิดได้ ฉะนั้นคำกล่าวที่ว่าถึงแม้จะทุจริตแต่ถ้าทำงานเก่งเราไดประโยชน์ด้วย ยอมรับได้ เป็นคำกล่าวที่ผิด เป็นคำกล่าวที่ไม่มีมาตราฐาน มาตราฐานที่ถูกต้องคือความเก่งเป็นสิ่งที่ควรมี ความดีเป็นสิ่งที่ควรกระทำ แต่ถ้าทำผิดทุจริตถูกจับได้ต้องติดคุก  กฎหมายไม่มีข้อยกเว้นสำหรับผู้ใด คำว่าเก่งกับดีนั้นจึงเป็นคนละส่วนกัน ถ้าให้เลือกระหว่างเก่งแต่ไม่ดี กับดีแต่ไม่เก่ง อันนี้เป็นสิ่งน่าคิดว่าเราจะเลือกกันแบบไหน คนเก่งนั้นหาง่าย คนดีนั้นหาไม่ยาก แต่จะหาคนทั้งเก่งและดีที่พร้อมจะเสียสละเป็นสิ่งที่หายากเต็มทีในสังคมปัจจุบัน ปัญหาที่วุ่นวายกันอยู่ในปัจจุบันคือ เราไม่สามารถแยกแยะระหว่างเก่งกับดีให้ออกจากกันอย่างสิ้นเชิง ถ้าแยกแยะได้สังคมคงจะไม่วุ่นวายจนถึงปัจจุบัน
ปรัชญาชีวิตจาก...สุธี ศรีพระรัตนตรัย 
   เทพปักษีอารักขาศาลาพระแก้วมรกต

                 
   เทพปักษีนั้นเป็นเทวดากึ่งนก ซึ่งเป็นเทพที่คอยอารักขาศาลาพระแก้วมรกตและพระแก้วหยกขาวจักรกรด เทพปักษีนั้นทำมาจากปูน ถูกปั้นขึ้นโดยอาจารย์สอนปั้นวิทยาลัยในวัง ซึ่งปั้นในราคางานบุญ โดยการปั้นนั้นได้เป็นไปด้วยความยากลำบาก ต้องปั้นอยู่หลายเดือนจึงสำเร็จลงได้ อีกทั้งการขนย้ายก็เป็นไปด้วยความยากลำบากเพราะมีความเปราะบางแตกหักง่ายและมีน้ำหนักมาก ต้องขออนุโมทนาบุญกับ พ.ต.ท.ไพบูลย์ แพรสีนวลด้วยนะครับที่ได้อุปถัมภ์จัดหารถบรรทุกและเติมน้ำมันรถให้ฟรี อีกทั้งยังรวบรวมเงินบริจาคช่วยจ้างแรงงานช่วยยกจนงานสามารถสำเร็จลงได้ ซึ่งเทพปักษีทั้ง2องค์สวยตามแบบฉบับงานในวัง ซึ่งตอนนี้ได้ประดิษฐานที่หน้าศาลาพระแก้วมรกตเป็นที่เรียบร้อย และเพื่อความศักดิ์สิทธิ์ขององค์เทพปักษี วันที่ 25 กรกฎาคม 2558 ผมได้นิมนต์พระศรีสุทธิพงศ์ เจ้าคณะอำเภอลาดยาวมาเป็นประธานฝ่ายสงฆ์ เนื่องในงานทอดผ้าป่าครั้งสุดท้าย(ปิดโครงการสร้างศาลาพระแก้วมรกต) พร้อมทั้งนิมนต์ให้ท่านช่วยเจิมเทพปักษีทั้ง2องค์นี้ด้วย ซึ่งเทพปักษีทั้ง2องค์นี้ราคาองค์ละ 20,000 บาท ตอนนี้เหลือเพียงแค่องค์เดียวเท่านั้น เพราะคุณยุภา บัณฑิตพรสกุล - คุณปรีชา จันทรุไทย ได้เป็นเจ้าภาพแล้ว1องค์ ท่านใดสนใจเยี่ยมชมความงาม ก็ขอเชิญเยี่ยมชมที่หน้าศาลาพระแก้วมรกตได้เลยนะครั

    ถ้าทำอะไรดีๆแล้วคนมองว่าสร้างภาพก็ช่างเขา อย่างน้อยเราก็ได้ทำดี ไม่เหมือนเขาที่แค่คิดดียังทำไม่ได้เลย...ว.วชิรเมธี

       (ตรงนี้สำคัญมากไม่อ่านไม่ได้)
                       

ความเป็นมาของจักรกรดเปล่งรัศมีเหนือเศียรพระแก้วหยกขาว
        เหนือเศียรของพระแก้วหยกขาวจักรกรดขึ้นไปนั้นจะเป็นจักรกรดเปล่งรัศมี3ชั้นซึ่งได้ถูกออกแบบตามนิมิตที่ได้พบเห็นมา โดยแรกเริ่มเดิมทีนั้น ช่างปั้นได้ออกแบบมาให้เป็นอย่างอื่นแต่ก็ยังไม่ถูใจของผม เพราะว่าพระแก้วหยกขาวจักรกรดนั้น ถือว่ามีความศักดิ์สิทธิ์ มีแสนยานุภาพที่สูงส่งเป็นยิ่งนัก สิ่งที่จะอยู่เศียรของพระแก้วหยกขาวจักรกรดขึ้นไปได้นั้นจะต้องทรงพลานุภาพและเข้มแข็งเป็นอย่างมาก ผมใช้เวลาคิดและลองเขียนแบบอยู่นานแต่แบบนั้นก็ยังไม่ลงตัว และแล้วในที่สุด คืนวันหนึ่งในระหว่างที่ภรรยาของผมนอนหลับอยู่นั้นก็ได้เกิดนิมิตเห็นภาพซ้อนกันขึ้นบนเพดานมีจักรหมุนลอยมากลางอากาศเหนือเศียรพระแก้วหยกพร้อมกับเปล่งรัศมีสว่างไสวตื่นตาตื่นใจ จึงได้นำมาถ่ายทอดให้ผมทราบ อีกทั้งผมยังได้นิมิตเห็นภาพจักรกรดบนเพดานนั้นด้วยตนเองอีกด้วย ผมสามารถจดจำภาพนั้นได้และเกิดความมั่นใจเป็นอย่างยิ่งและรู้ว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ต้องการให้ปั้นตามแบบนิมิตที่เห็น ผมจึงนำมาถ่ายทอดให้ช่างเพื่อปั้นตามแบบ แล้วทุกอย่างก็ลงตัวดั่งเช่นปรากฏดังรูปด้านบน

    โบราณว่าไม้ใหญ่ย่อมเจอขวานคม คนเด่นต้องมีคนด่า คนมีปัญญาจึงมีคนลองดี คนทำงานดีจึงมีคนริษยา ปรากฏการณ์เช่นนี้เป็นของธรรมดา ยังดีกว่าทำงานไม่ดี จึงเป็นอย่างดีแค่คนคอยริษยา... ว.วชิรเมธี

ดวงไฟประหลาดหลายดวงปรากฎเหนือเศียรพระแก้วหยกขาว


       เมื่อวันที่19มีนาคม2555ผมได้ให้ช่างติดโคมไฟแขวนจากเพดานภายในศาลา พอติดตั้งเสร็จเรียบร้อยแล้วผมได้ให้ช่างลองเปิดไฟทุกดวงเพื่อลองทดสอบดูและถ่ายรูปเก็บเอาไว้หลายรูป หลังจากนั้นได้นำกล้องมาเปิดดูที่บ้าน ภายในรูปหลายรูปปรากฎว่าพบดวงไฟประหลาดหลายดวงลอยอยู่เหนือเศียรขององค์พระแก้วหยกขาวจักรกรด ผมลองขยายภาพดูปรากฎว่าเป็นภาพจักรกรดหมุนเหมือนหน้าอกขององค์พระ หมุนเหนือเศียรขององค์พระ จากลูกเล็กจางๆ และก็ใหญ่และชัดขึ้นเรื่อยๆ บางลูกขยายดูแล้ว มองเห็นเหมือนหน้าคน มีตาและปาก อยู่ในท่ายิ้ม ทำให้ผมมั่นใจว่าเหล่าเทวดาทั้งหลายที่คอยดูแลรักษาศาลาพระแก้วมรกตและพระแก้วหยกขาวจักรกรดคงมีอยู่หลายองค์

       บางครั้งสิ่งที่เห็นด้วยสายตา ฟังด้วยหู ก็มิอาจจะพิจารณาตัดสินว่าดีหรือชั่ว จริงหรือปลอมได้เสมอไป ปัญหาสำคัญมันอยู่ที่ว่า ร้อยคน สองร้อยตา สองร้อยหูนั้น มีปัญญามากพอที่จะพิจารณาแยกแยะดีหรือชั่ว จริงหรือปลอมได้ชัดเจนเหมือนดั่งพ่อค่าเพชรพลอย ที่พิจารณาแยกแยะเพชรพลอยนั้นได้หรือไม่เท่านั้นเอง
      ปรัชญาชีวิตจาก...สุธี ศรีพระรัตนตรัย
                              
จิตรกรรมภาพวาดด้านหลังขององค์พระแก้วหยกขาวจักรกรด


      ด้านหลังขององค์พระแก้วหยกขาวจักรกรดนั้นจะเป็นรูปวาดซึ่งถูกออกแบบตามที่ผมต้องการ โดยผมมีธงคำตอบให้ช่างวาดตามนี้ คือจะต้องถ่ายทอดออกมาเป็นเมืองสวรรค์ โดย 1.ด้านล่างของรูปจะต้องเป็นจิตรกรรมลายไทยโดยมีพระขี่สัตว์หิมพานต์เพื่อมาสักการะบูชาองค์พระแก้วหยกขาวจักรกรด 2.ด้านซ้ายขององค์พระจะต้องวาดเป็นพระพรหมเนรมิตรจักรตามที่ผมได้นิมิตรเห็นซึ่งจักรของพระพรหมนั้นเป็นอันเดียวกันกับจักรที่อยู่เหนือเศียรขององค์พระ 3.ด้านขาวขององค์พระจะต้องวาดเป็นพระอินทร์อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุเพื่อมาบรรจุที่พระเกตุขององค์พระ 4.ด้านมุมทั้ง2ขององค์พระจะต้องวาดเป็นวิมานเพื่อรองรับสำหรับผู้ที่ร่วมทำบุญทั้งหลาย ฉะนั้นจะเห็นได้ว่าภาพที่ปรากฏบนผนังนั้นทุกรูปล้วนแล้วแต่มีความหมาย ขอเชิญทุกท่านเยี่ยมชมได้ ณ.สถานที่จริง 

         ระพุทธองค์ได้ทรงสั่งสอนให้ทุกคนเป็นคนดี เมื่อเราไม่ทำหรือทำดีตามคำสั่งสอนของพระองค์ไม่ได้ แต่ต้องการผลที่ดี แล้วอย่างนี้ผลที่ดีจะปรากฏได้อย่างไรกัน ดุจดั่งชาวสวนที่ปลูกผักผลไม้ แต่ไม่ยอมดูแลรักษา ไม่คอยรดน้ำและใส่ปุ๋ยพวนดิน ผลผลิตที่ได้ ย่อมไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วยฉันนั้นเหมือนกัน
                                                                          ปรัชญาชีวิตจาก...สุธี ศรีพระรัตนตรัย

  ประธานโครงการพร้อมคณะผู้อุปถัมภ์


 ประธานอุปถัมภ์(ประธานสายที่อุปถัมภ์อย่างต่อเนื่อง)



         








   ประธานสายท่านใดที่มิได้อุปถัมภ์อย่างต่อเนื่อง ทางโครงการขอสงวนสิทธิ์ที่แก้ไขรูปออกได้ตามสมควร จึงเรียนมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน

   เราไม่อาจที่จะเปลี่ยนเส้นทางโคจรของดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์และดวงดาวได้ฉันใด แต่เราสามารถที่จะเปลี่ยนเส้นทางเดินของตัวเองได้ฉันนั้น และเส้นทางที่ดีที่สุดก็คือ เส้นทางแห่งการสร้างกุศล เพราะเป็นเส้นทางที่นำพาให้เราได้พบกับความสุข ความร่มเย็น และปลอดภัย
 ปรัชญาชีวิตจาก...สุธี ศรีพระรัตนตรัย
 
 บริษัท ริชไวส ซีลิ้ง สเปเซียลริชจำกัดอุปถัมภ์บริจาคบัวติดผนังภายในศาลา  




        ต้องขออนุโมทนาบุญกับบริษัท ริชไวส ซีลิ้ง สเปเซียลริชจำกัดที่ได้อุปถัมภ์โครงการ ด้วยการบริจาคบัวติดผนังให้มาตกแต่งภายในศาลา ทำให้ศาลาพระแก้วมรกตดูวิจิตรและงดงามยิ่งขึ้น อีกทั้งยังช่วยประหยัดงบประมาณค่าใช้จายของโครงการทำให้โครงการเดินหน้าไปได้อย่างรวดเร็วต้องขออนุโมทนาบุญมา ณ.ที่นี้

     การทำความดีนั้นนับว่าเป็นสิ่งที่ยากยิ่งนัก แต่การที่จะรักษาความดีให้คงไว้นั้น นับว่าเป็นสิ่งที่ยากยิ่งกว่า ฉะนั้นบุคคลที่หมั่นทำความดีและรักษาความดีเอาไว้ ถือว่าเป็นบุคคลที่น่ายกย่องและถือเป็นแบบอย่าง     

 ประมวลภาพถ่ายงานทอดผ้าป่า-ทอดกฐินสร้างศาลาพระแก้วมรกต

















      อย่าพึงดูหมิ่นต่อบุญว่ามีประมาณน้อยจักไม่ให้ผลแม้หยาดน้ำยังเต็มหม้อน้ำฉันใด บุญที่เราสั่งสมอยู่บ่อยๆย่อมเต็มเปรี่ยมได้ด้วยบุญฉันนั้น จงพึงทำความพอใจในบุญนั้น และพึงกระทำอยู่บ่อยๆเหมือนดั่งเช่นช่างดอกไม้ที่ร้อยพวงมาลัยได้มากมายจาก กองดอกไม้กองหนึ่งฉันใด คนเราเกิดมาแล้วก็ควรสร้างความดีงามให้มากฉันนั้น เพราะการเจริญขึ้นแห่งบุญนั้นย่อมนำมาซึ่งความสุขและจะเป็นมิตรที่ติดตามตัว ไปในเบื้องหน้า

อานิสงส์ของการได้มีส่วนร่วมทอดกฐิน


    การทอดกฐินนั้นถือว่าเป็นประเพณีอันดีงามที่ชาวพุทธทั่งหลายได้ปฎิบัติสืบต่อกันมาอย่างช้านาน การทอดกฐินนั้นจัดเป็นกาลทาน คือมีกำหนดระยะเวลากำหนด พระพุทธองค์ได้ทรงบัญญัติเอาไว้ว่า ให้ภิกษุสงฆ์ที่อยู่จำพรรษาตลอดไตรมาสไม่น้อยกว่า 5 รูป รับผ้ากฐินได้ โดยเริ่มตั้งแต่วันแรม 1 ค่ำ เดือน 11 จนถึงวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 เพื่อใช้ผลัดเปลี่ยนของเก่าที่ชำรุด และได้ทรงอนุญาตให้แต่ละวัดสามารถรับผ้ากฐินได้เพียงแค่ปีละครั้งเท่านั้น เพราะฉะนั้นการทอดกฐินจึงเป็นเรื่องที่หาโอกาสทำได้ยาก ด้วยเหตุนี้นี่เองการทอดกฐินจึงได้รับอานิสงส์ที่ล้ำเลิศประเสริฐกว่าทานทั้งปวง ผู้ใดที่ได้ร่วมการทอดกฐินย่อมจะถึงพร้อมด้วยทรัพย์ทั้ง 3 ประการ คือมนุษย์สมบัดิ สวรรค์สมบัติ และนิพพานสมบัดิ อย่างเช่นติณปาลผู้เข็ญใจที่ได้มีกล่าวไว้ในพระไตรปิฏก  
            ในครั้งศาสนาของพระกัสสปะพระพุทธเจ้า มีกุลบุตรผู้หนึ่งอยู่ในเมืองพาราณสี มีฐานะยากจน เป็นคนอนาถา ไม่มีญาติพี่น้อง ไม่มีทรัพย์สมบัติ มีผ้านุ่งผืนเดียวเท่านั้นที่ใช้ห่อกาย วันหนึ่งได้เดินเร่ร่อนไปยังสำนักของสิริธรรมเศรษฐีเพื่อของานทำ สิริธรรมเศรษฐีเห็นติณปาลก็เกิดสงสาร จึงได้ให้งานทำ แต่ไม่รู้ว่าจะให้ทำอะไรดี เพราะติณปาลเป็นคนไม่มีความรู้ จึงได้ให้ไปเป็นคนดูแลไร่หญ้า โดยให้ค่าตอบแทนเป็นอาหารวันละหม้อ หลังจากที่ติณปาลทำงานแล้วก็ขยันทำงานอย่างดี เมื่อได้อาหารเป็นค่าตอบแทน 1 หม้อแล้ว ก็แบ่งอาหารออกเป็น 2 ส่วน โดยส่วนแรกนั้นได้เอาไว้ทำบุญใส่บาตรพระภิกษุสงฆ์ในตอนเช้า ส่วนที่เหลือจะเก็บไว้บริโภคเอง ครั้นต่อมาสิริธรรมเศรษฐีทราบ ก็เพิ่มอาหารให้มากขึ้น ติณปาลก็แบ่งอาหารออกเป็น 3 ส่วน โดยส่วนแรกนั้นเอาไว้ทำบุญเช่นเดิม ส่วนที่ 2 นั้นได้เอาให้ทานแก่คนอนาถา ส่วนที่เหลือเก็บไว้บริโภค ครั้นอยู่ต่อมาพอถึงเดือน 11 ถึงวันออกพรรษา ชาวบ้านทั้งหลายต่างชวนกันไปทำบุญทอดกฐิน ติณปาลเห็นเช่นนั้นก็เกิดสงสัยว่าการทอดกฐินนั้นมีอานิสงส์เช่นไร เหตุไฉนคนทั้งหลายจึงนิยมไปทอดกฐินกัน จึงได้เข้าไปถามสิริธรรมเศรษฐี สิริธรรมเศรษฐีจึงไดกล่าวกับติณปาลว่า เจ้าจงฟังให้ดีนะ ขึ้นชื่อว่ากฐินนั้นมีอานิสงส์มากล้ำเลิศประเสริฐกว่าทานทั้งปวง ผู้ใดที่ได้มีส่วนในการทอดกฐิน ย่อมได้ชื่อว่าเป็นผู้สั่งสมทรัพย์อันประเสริฐ ครั้นติณปาลได้ฟังเช่นนั้นก็เกิดปิติ ชื่นชม โสมนัส อยากทำบุญทอดกฐินขึ้นมาในทันที แต่ด้วยตัวเองไม่มีทรัพย์สมบัติเลย มีเพียงผ้าที่ใช้ห่มกายเพียงผืนเดียวเท่านั้น จึงได้ตัดสินใจนำผ้าที่นุ่งอยู่นั้นเร่ออกขาย โดยใช้ใบไม้มาเย็บเป็นผ้านุ่งแทน ติณปาลได้ขายผ้านุ่งเป้นเงิน 5 มาสก(เท่ากับ 1 บาทไทยในปัจจุบัน) ครันได้เงินแล้วจึงได้รีบไปพบสิริธรรมเศรษฐีเพื่อขอร่วมทำบุญกฐิน ฝ่ายสิริธรรมเศรษฐีเห็นติณปาลนำเงินมาให้ก็ตกใจ จึงได้พูดกับติณปาลว่า ท่านช่างเป็นผู้มีจิตศรัทธาแก่กล้าเสียเหลือเกิน แต่สิ่งต่างๆของกฐินมีครบหมดแล้ว จะขาดก็แต่เพียงด้ายที่ใช้เย็บผ้ากฐินเท่านั้น เราจะนำเงินของท่านไปซื้อด้ายมาเย็บผ้ากฐิน ท่านจะว่าอย่างไร ติณปาลจึงได้กล่าวกับท่านเศรษฐีว่า ขอให้ข้าได้มีส่วนในกองกฐินเท่านั้นก็พอแล้ว ครั้นแล้วก็อนุโมทนาในกุศลที่ตนได้ร่วมกระทำด้วยความปลื้มปิติ ชึ่งในขณะนั้นนั่นเองเหล่าเทวดาทั้งหลายที่อยู่บ้านสิริธรรมเศรษฐีและเมืองพาราณสี ต่างก็พร้อมใจกันกล่าวสาธุการอย่างกึกก้อง  เสียงสาธุการนั้นได้ดังไปถึงสวรรค์ชั้นฟ้า และทั่งเมืองพาราณสี เสียงนั้นได้ดังไปถึงพระกรรณ์ของพระเจ้ากรุงพาราณสี พระเจ้ากรุงพาราณสีได้ยินเสียงนั้นตกใจเรียกให้อมาตย์เข้ามาพบ ว่าเสียงดังนั้นมาแต่ที่ใด พอทราบเรื่องก็ให้อำมาตย์ไปเชิญติณปาลมาเข้าเฝ้า พร้อมทั้งพระราชทานผ้าคู่สาฏกเนื้อดีมูลค่า 1 แสนให้ติณปาลห่ม เมื่อติณปาลมาเข้าเฝ้าแล้ว พระเจ้ากรุงพาราณสีจึงตรัสแก่ตินปาลว่า เราได้ทราบถึงการทำกุศลที่ยิ่งใหญ่ของเจ้า ยากแก่ใครจะทำได้ เราจะให้ทรัพย์แก่เจ้า เจ้าจงแบ่งส่วนบุญกุศลให้เราบ้างได้ไหม ติณปาลจึงได้กราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ บุญกุศลนั้นให้กันไม่ได้หรอกพระเจ้าข้า แต่ถ้าพระองค์อยากได้จริงๆละก็ ข้าพเจ้าจะขอแบ่งให้พระองค์ครึ่งหนึ่ง ขอพระองค์ได้โปรดอนุโมทนาในส่วนบุญกุศลที่ข้าพระเจ้าได้ทำแล้วนี้เถิดพระเจ้าข้า พระเจ้ากรุงพาราณสีได้ยินเช่นนั้น ก็เกิดปิติ โสมนัส จึงได้อนุโมทนาในส่วนบุญกุศลของติณปาล พร้อมทั้งได้พระราชทาน โค กระบือ ช้าง ม้า ราชรถ นางสนม ข้าทาสบริวารทั้งชายและหญิงอย่างละร้อย พร้อมเครี่องประดับอาภรณ์ ปราสาท เศวตฉัตร และได้แต่งตั้งให้ติณปาล เป็นเศรษฐีในทันที ส่วนคหบดี มหาอำมาตย์ มหาเศรษฐี มหาอุปราช ต่างก็พากันแบ่งทรัพย์ให้ติณปาลคนละโกฏิ  ทางฝ่ายท้าวสักกะเทวราช(พระอินทร์) ซึ่งได้ทราบการทำกุศลของติณปาล ก็ได้เสด็จลงมาจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ลอยอยู่บนสำนักของติณปาลเศรษฐี พร้อมตรัสกับติณปาลว่า ท่านจงแบ่งส่วนบุญแก่เราบ้างได้ไหม ติณปาลได้ยินเช่นนั้นจึงได้กล่าวถามว่าท่านเป็นใคร เราไม่เคยเห็นท่านมาก่อนเลย ท้าวสักกะเทวราช จึงได้ตรัสว่า เราคือผู้ครองความเป็นใหญ่เหนือเทวดาทั้งหลายบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ติณปาลจึงได้กล่าวว่า ถ้าเราแบ่งส่วนบุญให้แก่ท่านแล้ว ท่านจะให้อะไรเราตอบแทน ท้าวสักกะเทวราชจึงตรัสว่า แล้วท่านอยากได้อะไรก็ให้ขอเรามาได้เลย เราจะให้ ติณปาลจึงได้กล่าวต่อไปว่า ข้าขอพร 4 ประการคือ 1. ขออย่าให้ได้หญิงที่เป็นคนตระหนี่เป็นภรรยา 2. ขออย่าให้ข้าคบค้ากับหญิงที่ทุศีล  3. ขอย่าให้ข้าคบค้าสมาคมกับคนพาล 4. ขออย่าให้มีใจที่ตระหนี่ เพราะทั้ง 4 ข้อนี้เป็นเหตุนำมาซึ่งความตกต่ำ ครั้นท้าวสักกะเทวราชได้ยินเช่นนั้นก็ตอบตกลง แล้วจึงประทานพรให้ เสร็จแล้วพระองค์ก็ได้ร่วมอนุโมทนาในบุญกุศลของติณปาล เสร็จแล้วพระองค์ก็เสด็จกลับสู่สวรรรค์ ทางฝ่ายเหล่านางเทพธิดาที่อยู่บนสวรรค์ พอทราบข่าวการทำกุศลของติณปาล ก็อยากพบติณปาล จึงได้ขอร้องให้ท้าวสักกะเทวราชช่วยนำติณปาลขึ้นมาบนสวรรค์ด้วย ท้าวสักกะเทวราชจึงได้สั่งให้มาตุรีเทวสารถี ให้เทียมมหาเวชยันต์ราชลงมารับติณปาลขึ้นมาบนสวรรค์ เหล่านางเทพธิดาที่บนสวรรค์ทั้งหลายก็ทำการสักการะบูชาด้วยการโปรยดอกไม้ทิพย์และของหอม พร้อมร่วมอนุโมทนาส่วนบุญกุศลของติณปาล เมื่อพอสมควรแก่กาลเวลาแล้ว ติณปาลก็ได้ลากลับยังโลกมนุษย์ หลังจากติณปาลได้เป็นเศรษฐีแล้วก็ไม่ได้ประมาท มั่นสร้างกุศลอยู่อย่างเนืองนิตย์ จนกระทั่งก่อนที่ท่านจะสิ้นลมหายใจ เหล่าเทวดาทั้งหลายที่อยู่ชั้นต่างๆก็นำราชรถมารับ พร้อมชักชวนให้ไปอยู่ด้วย แต่ด้วยจิตผูกพันของติณปาลที่มีต่อพระจุฬามณี จึงได้บันดาลให้ท่านไปบังเกิดเป็นเทพบุตรบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ พร้อมวิมารแก้วสูง 5 โยชน์ แวดล้อมด้วยนางฟ้าอัปสร1 หมื่นเป็นบริวาร เสวยทิพย์สมบัติชั่วพุทธันดร(36ล้านปี) หลังจากจุติจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์แล้ว ก็ได้ท่องเที่ยวไปยังสวรรค์ชั้นต่างๆ หลังจากจุติจากสวรรค์แล้ว ก็จะได้มาบังเกิดเป็นมนุษย์ในยุคของพระศรีอริยเมตไตร เป็นพระราชาในเมืองมัลลวดี ครั้นต่อมาท่านก็จะสละราชสมบัติแล้วออกบวชในสำนักของพระศรีอริยเมตไตร ได้บวชเป็นเอหิภิกษุอุปสัมปทา โดยที่บาตร และจีวรอันเป็นทิพย์จะลอยมาในอากาศ มาสวมในรัชกายแทนพระพุทธเจ้า และในที่สุดก็จะได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ ก็เพราะผลและอานิสงส์ของการที่ได้มีส่วนร่วมทอดกฐินในครั้งนั้นนั่นเอง 
        ฉะนั้นเราจะเห็นกันได้ว่า อานิสงส์ที่ได้มีส่วนร่วมทอดกฐินนั้น ย่อมได้รับอานิสงส์ที่ล้ำเลิศ ที่ประเสริฐ ที่สูงส่ง อย่างเช่นติณปาลเทพบุตรดังได้กล่าวมาแล้วข้างต้น

        จิตผ่องใสเมื่อใด ใจก็พร้อมที่จะให้เมื่อนั้น ให้ด้วยความบริสุทธิ์ใจ(ไม่หวังผลตอบแทน)เมื่อใด ใจก็เบาสบาย กิเลส(ความโลภ ความเห็นแก่ตัว)ก็จางคลายลงเมื่อนั้น ให้เป็น ใจก็ร่มเย็นเป็นสุข ทุกข์ก็จางหาย ใจก็เบาสบาย เพราะรู้และเข้าใจ ด้วยศิลปะแห่งการให้
ปรัชญาชีวิตจาก....สุธี ศรีพระรัตนตรัย

อานิสงส์ของการสร้างศาลา 


   ชีวิตคนเราก็เหมือนกับการเดินทางเข้าไปในป่าใหญ่ไม่รู้พรุ่งนี้จะมีน้ำกิน หรือไม่ ถ้าเราเอาน้ำใส่กระบอกสะพายหลังติดตัวไปด้วย ก็ไม่เป็นการหนักหนาอะไรถ้าพบน้ำข้างหน้าก็แล้วไป ถ้าไม่พบก็จะได้มีน้ำกินไม่อดอยาก การทำบุญกุศลคุณงามความดีติดตัวไปด้วยนั้น ก็เหมือนมีน้ำติดตัวไปฉันนั้น เมื่อจะละจากโลกนี้ไปสู่โลกหน้าก็จะได้มีทุนหรือเสบียงไว้ใช้สอยต่อไปอย่างเช่นท่านนันทิยะที่ได้มีกล่าวไว้ในพระไตรปิฏก
       ท่านนันทิยะนั้นเป็นบุคคลในครั้งพุทธกาล เป็นบุคคลที่มีความเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนา ภายหลังจากบิดามารดาของท่านได้เสียชีวิตลงไปแล้ว ท่านก็ได้บำเพ็ญมหากุศลครั้งยิ่งใหญ่ ด้วยการให้ทานแก่คนยากจนอนาถา ถวายทานแด่พระภิกษุสงฆ์ อีกทั้งยังได้สร้างศาลา4มุข4ห้องที่ป่าอิสิปตนมหาวิหารพร้อมด้วยเครื่อง สำหรับเสนาสนะเพื่อถวายเป็นสังฆทานแด่พระภิกษุสงฆ์โดยมีพระพุทธเจ้าเป็นประธาน ภายหลังจากที่ท่านสร้างศาลาเรียบร้อยแล้ว ก็ได้ทำพิธีหลั่งน้ำทักษิโณทกลงบนฝ่าพระหัตถ์ของพระผู้มีพระภาคเจ้าเพื่อ เป็นการแสดงเจตจำนงค์ว่าได้ยกศาลาหลังนั้นให้เป็นสังฆทานแด่พระภิกษุสงฆ์แล้ว ในระหว่างท่านนันทิยะกำลังหลั่งน้ำทักษิโณทกอยู่นั้น ด้วยอำนาจของบุญกุศลที่มีในครั้งนั้น ก็ได้เกิดทิพย์ปราสาทเป็นแก้ว7ประการมีความกว้าง12โยชน์ยาว100โยชน์ขึ้นบนเทวโลกพร้อมหมู่นางเทพธิดาเพื่อรองรับท่านนันทิยะ ครั้นอยู่มาวันหนึ่งพระโมคคัลลาเถระได้เที่ยวจารึกไปบนเทวโลก ก็ได้พบเห็นทิพย์ปราสาทหลังนั้น จึงได้เอ่ยถามพวกเทพบุตรทั้งหลายว่า นั่นเป็ทิพย์ปราสาทของใครหรือ ซึ่งเหล่าบันดาเทพบุตรทั้งหลายก็ได้ตอบพระโมคคัลลาเถระว่า เป็ทิพย์ปราสาทของท่านนันทิยะ ทางฝ่ายหมู่เทพธิดาซึ่งเฝ้ารอคอยท่านนันทิยะอยู่บนทิพย์ปราสาทหลังนั้นจึงได้ฝากขอร้องให้พระโมคคัลลาเถระช่วยกลับมาบอกท่านนันทิยะผู้เป็นเจ้าของทิพย์ปราสาทหลังนั้นบนโลกมนุษย์ด้วยว่าช่วยรีบมาเกิดบนเทวโลกเร็วๆด้วยเถิด เพราะว่าบัดนี้ทิพย์ปราสาทของท่านและพวกนางรออยู่แล้ว
      ทางฝ่ายพระโมคคัลลาเถระหลังจากที่ได้เดินทางกลับจากเทวโลกแล้ว ก็ได้ไปเข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าและได้ทูลเรื่องดังกล่าวให้ทรงทราบ ซึ่งพระผู้มีพระภาคเจ้าก็ได้ทรงตรัสเป็นคาถาว่า ญาติมิตรและเพื่อนฝูงเห็นคนจากไปนานๆเดินทางกลับมาจากที่ไกลโดยความปลอดภัย ย่อมมีความยินดีปรีดาว่า เขามาแล้ว เขามาแล้ว บุญทั้งหลายย่อมต้อนรับคนที่ทำบุญไว้ ซึ่งจากโลกนี้ไปสู่โลกหน้า ดุจหมู่ญาติเห็นญาติผู้เป็นที่รักมาแล้วทำการต้อนรับฉันนั้น
    ะนั้นเราจะเห็นกันได้ว่าบุคคลผู้สั่งสมบุญกุศลคุณงามความดีไว้นั้น ก็เปรียบเสมือนเป็นการเสริมสร้างรากฐานที่ดีให้แก่ชีวิตนั้นเองเพราะว่าบุญกุศลคุณงามความดีนั้นเป็นสิ่งที่น่าปรารถนา เป็นสิ่งที่นำมาซึงความสุขความเจริญ ถ้าหากชีวิตของคนเราปราศจากซึ่งบุญกุศลคุณงามความดีเสียแล้ว ชีวิตนั้นก็จะเป็นชีวิตที่ต้องทนอยู่แบบทุกยากในโลกนี้ เพราะฉะนั้นในช่วงระยะเวลาที่พวกเราทั้งหลายยังมีชีวิตอยู่นั้น จึงไม่ควรประมาทในชีวิต ควรรีบขวนขวายประกอบกรรมดีเพื่อเป็นทุนหรือเสบียงไปสู่ภพหน้า
            ฉะนั้นฉะนั้นจึงขอเชิญชวนท่านผู้มีจิตศรัทธาทุกท่านร่วมสร้างศาลาพระแก้วมรกต เพื่อเป็นบุญกุศล  เป็นทุนเสบียงไปสู่ภพหน้า อย่างเช่นดั่งท่านนันทิยะได้กล่าวมาแล้วข้างต้น            
       หมั่นทำบุญให้พอเพียง เพื่อเป็นเสบียงสำหรับการเดินทาง จุดสุดท้ายของปลายทาง คือดับรูปนามสู่อมตธรรม
ปรัชญาชีวิตจาก....สุธี ศรีพระรัตนตรัย

 พระบรมสารีริกธาตุและพระธาตุ


       เป็นประเพณีของพุทธศาสนิกชนไม่ว่าจะเป็นบรรชิตหรือคฤหัสถ์ผู้ครองเรือน เมื่อสิ้นชีวิตลง ศพก็จะต้องนำไปทำการฌาปนกิจด้วยการเผาให้เป็นเถ้าถ่านไม่ฝังเหมือนบุคคลในศาสนาอื่น สังขารที่ถูกไฟเผาส่วนที่เป็นเนื้อหนังก็จะไหม้กลายเป็นฝุ่นกลับไปเป็นดิน น้ำที่อยู่ในร่างกายก็จะระเหยไปในอากาศ ส่วนของกระดูกก็จะเป็นเถ้าหรือเศษกระดูกที่ไหม้ไฟจนหมดสถาพกลับเป็นดินเหมือนเดิม พระธรรมคำสั่งสอนที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้เองโดยชิบแล้วทรงนำมาปฏิบัติและทรงสั่งสอนให้พุทธสาวกปฏิบัติตามนั้นสามารถขัดเกาและขจัดกิเลสที่มีอยู่ในใจให้หมดไป จิตใจจะสะอาดบริสุทธิ์จนสามารถสำเร็จพระอรหันต์ผลเป็นพระอรหันต์ได้ เมื่อตายไปแล้วก็จะไม่กลับมาเกิดอีก ตายอย่างนี้เรียกว่า นิพพาน คือการดับสนิท ดับอย่างไม่เหลืออะไรจริงๆ
       พระพุทธเจ้าและพระอรหันต์ท่านตายอย่างนิพพาน อัฐคือกระดูกที่ถูกเผาไหม้แล้วจึงมีลักษณะผิดกับอัฐของสามัญชนคนที่มีจิตใจมิได้ขจัดกิเลสออกไปจนหมดสิ้น อัฐของพระพุทธเจ้าและพระอรหันต์นั้นเราเรียกว่าพระบรมสารีริกธาตุและพระธาตุตามลำดับ พระบรมสารีริกธาตุหรืออัฐของพระพุทธเจ้าซึ่งพุทธศาสนิกชนถือว่าเป็นกายที่2ของพระองค์ หลังจากที่พระพุทธองค์ได้เสด็จดับขันธ์ปรินิพพานไปแล้ว ตามตำนานกล่าวว่าได้มีการแบ่งพระบรมสารีริกธาตุไปประดิษฐานตามเมืองต่างๆมากมาย ไม่ว่าบนโลกมนุษย์ ใต้บาดาลนาคพิภพ บนสวรรค์ชั้นฟ้าตลอดจนถึงชั้นพรหมโลก ต่างก็ได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุไปประดิษฐาน โดยนิยมสร้างเป็นสถูปเจดีย์ประดิษฐานไว้เพื่อให้ชาวเมืองของตนได้สักการะบูชา
       พระบรมสารีริกธาตุนั้นจึงเป็นที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจ ส่งอิทธิพลในทางความเชื่อถือ ผู้ที่มีความเลื่อมใสศรัทธาทุกคนต่างเชื่อในพลานุภาพและอำนาจบุญญาบารมีแห่งพระบรมสารีริกธาตุว่าจะช่วยปกป้องคุ้มครองและนำความสุขความเจริญซึ่งเป็นมงคลมาสู่ตนได้ ซึ่งหลายครั้งได้มีผู้พบเห็นความศักดิ์สิทธิ์และปาฏิหารย์ซึ่งเกิดขึ้นจากพระบรมสารีริกธาตุ
       การนับถือพระบรมสารีริกธาตุอันเป็นสัญลักษณ์แทนพระพุทธองค์นั้น จึงเป็นประเพณีที่แต่ละท้องถิ่นที่มีพระบรมสารีริกธาตุกำหนดการบูชาพระบรมสารีริกธาตุด้วยมีความเชื่อสืบต่อกันมาว่าพระบรมสารีริกธาตุนั้นเมื่อไม่มีผู้ใดบูชาสักการะในที่ประทับอยู่แล้ว พระบรมสารีริกธาตุจะเสด็จไปยังที่ๆมีผู้บูชา แต่ถ้าบุคคลใดมีความเคารพอย่างแรงกล้าปรารถนาจะให้มายังที่อยู่ของตน ก็ให้จัดตั้งเครื่องสักการะบูชา ปูอาสนะด้วยผ้าขาว ตั้งขันสาครใส่น้ำไว้ มีธูปเทียนขาวตอกดอกไม้ของหอมนานาประการเป็นเครื่องสักการะบูชา แล้วผู้ที่นิมนต์พระบรมสารีริกธาตุต้องถือศีล8พร้อมกับอธิฐานขอให้พระธาตุเสด็จมาด้วยการบริกรรมคาถาอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุเพียงแค่นี้พระบรมสารีริกธาตุก็สามารถเสด็จมายังที่อยู่ของตนได้
     พระบรมสารีริกธาตุนั้นเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์สามารถงอกเพิ่มจำนวนได้ ยิ่งมีผู้ศรัทธามากเท่าไหร่ก็ยิ่งงอกเพิ่มจำนวนมากขึ้นเท่านั้น การบูชาพระบรมสารีริกธาตุนั้นอาจไม่จำเป็นว่าจะต้องนำสิ่งของมาบูชาแต่เพียงอย่างเดียว แต่การบูชาอีกอย่างหนึ่งที่ส่งผลต่อผู้ปฏิบัติอย่างแท้จริงนั้นก็คือการปฏิบัติบูชา เป็นการปฏิบัติตนให้อยู่ในหลักศีลธรรมยึดหลักคำสอนของพระพุทธองค์ในการดำเนินชีวิต ไม่ทำความชั่ว ไม่ก่อความเดือดร้อนให้แก่ผู้อื่น มุ่งมั่นทำแต่ความดี การปฏิบัติบูชา นี้มีอานิสงส์แรงกล้ายิ่งกว่าอามิสบูชาใดๆ               

     ดวงจันทร์ปราศจากมลทินเดินไปในอากาศ ย่อมสว่างกว่าหมู่ดาวทั้งปวงในโลกด้วยรัศมีฉันใด บุคคลสมบูรณ์ด้วยศีล มีศรัทธาก็ฉันนั้น ย่อมไพโรจน์กว่าผู้ตระหนี่ทั้งปวงในโลกด้วยจาคะ
    เมฆที่ลอยไปตามอากาศมีสายฟ้าปลาบแปลบมีช่อตั้งร้อย ตกรดแผ่นดินที่ดอนและที่ลุ่มฉันใด สาวกของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้สมบูรณ์ด้วยทสนะเป็นบัณฑิตก็ฉันนั้น ย่อมข่มผู้ตระหนี่ได้ด้วยฐานะ 5ประการ คือ อายุ วรณะ สุข ยศ และเปรี่ยมด้วยโภคะ ย่อมบันเทิงใจในสวรรค์ในปรโลกดังนี้
                  พระไตรปิฎกเล่มที่๒๒พระสุตตันตปิฎก 
เล่มที่๑๔อังคุตตรนิกาย ปัญจก-ฉักกนิบาต


อานิสงส์การสร้างกุศลกับพระบรมสารีริกธาตุ


   อานิสงส์ผลบุญที่ได้ร่วมสร้างกุศลกับพระบรมสารีริกธาตุนั้นเชื่อว่าแรงกล้านักหากปฏิบัติด้วยจิตศรัทธาบริสุทธ์ เมื่อมีโอกาศอนุภาพและความศักดิ์สิทธิ์ของพระบรมสารีริกธาตุจักดลบันดาลให้เกิดสิริมงคลสืบต่อไป ดั่งชาดกดังต่อไปนี้ ในครั้งศาสนาของพระสิทธัตถพระพุทธเจ้า มีกุลบุตรผู้หนึ่งมีฐานะยากจนไม่อาจทำบุญได้ ต่อมาเมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าได้เสด็จดับขันธ์ปรินิพพานแล้ว มหาชนทั้งหลายต่างพากันก่อพระเจดีย์เพื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ชายคนนั้นได้ใส่ปูนขาวก้อนหนึ่งลงในแผ่นอิฐทั้งสอง ด้วยผลบุญกุศลที่มีในครั้งนั้นได้ส่งผลให้ท่านไม่ต้องไปอยู่ในอบายภูมิเลยและได้ท่องเที่ยวไปในเทวโลกถึง49กัลป์และในกัลป์ที่30นับถอยหลังจากกัลป์นี้ได้ไปเกิดเป็นพระเจ้าจักรพรรด์มีพระนามว่าพระเจ้าปฎิสังขารจักรผู้สมบูรณ์ด้วยแก้ว7ประการอยู่13ชาติ และมาในชาติสุดท้ายนี้ท่านได้เกิดในเรือนแห่งหนึ่งแล้วมีจิตใจเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนาจึงได้ออกบวช ท่านบวชได้ไม่นานเท่าใดนักก็ได้สำเร็จปฏิสัมภิทา4วิโมกข์8อภิญญา6แล้วสำเร็จเป็นพระอรหันต์มีนามว่าพระสุธาปิณฑยเถระ
              ฉะนั้นเราจะเห็นกันได้ว่า อานิสงส์ของการได้มีส่วนร่วมสร้างกุศลกับพระบรมสารีริกธาตุนั้นย่อมได้รับอานิสงส์ที่ยิ่งใหญ่สุดที่จะประมาณมิได้  ฉะนั้นจึงขอเชิญชวนท่านผู้มีจิศรัทธาทุกท่านได้ร่วมบำเพ็ญกุศลกับพระบรมสารีริกธาตุของเราเพื่อเป็นบุญกุศลและเป็นทุนหรือเสบียงไปสู่ภพหน้าอย่างเช่นท่านสุธาปิณฑยเถระดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น

  แม่ทัพที่กล้าหาญและชาญฉลาด(ทั้งบู้และบุ๋น)ย่อมนำมาซึ่งชัยชนะในการสู้รบต่อข้าศึกฉ้นใด ใจที่มีสติและปัญญา พิจารณาธรรมะโดยแยบคาย ย่อมนำมาซึ่งความดับทุกข์ได้ฉันนั้
 ปรัชญาชีวิตจาก...สุธี ศรีพระรัตนตรัย

อานิสงส์ของการได้มีส่วนร่วมอนุโมทนาบุญ


          ชนเหล่าใดย่อมอนุโมทนาหรือช่วยเหลือในทักษินาทานนั้น ทักษินาทานนั้นย่อมไม่มีผลบกพร่องเพราะการอนุโมทนาหรือการช่วยเหลือนั้น แม้พวกที่อนุโมทนาหรือช่วยเหลือนั้นย่อมเป็นผู้มีส่วนแห่งบุญ อย่างเช่นเพื่อนหญิงของนางวิสาขาที่ได้มีกล่าวไว้ในพระไตรปิฎก ในรั้งที่ท่านพระอนุรุทธะเที่ยวจาริกไปในเทวโลก ได้พบเห็นเพื่อนหญิงของนางวิสาขามาบังเกิดในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์(สวรรค์ชั้นที่2) จึงได้เอ่ยถามเทพธิดาองค์นั้นว่า
         ดูก่อนเทพธิดา ท่านมีวรรณะงามเปล่งรัศมีสว่างไปทุกทิศเหมือนดาวประกายพรึก เมื่อท่านฟ้อนรำอยู่ เสียงอันเป็นทิพย์น่าฟัง น่ารื่นรมย์ใจ ก็เปล่งออกจากอวัยวะน้อยใหญ่ทุกส่วน กลิ่นทิพย์ที่หอมหวนยวนใจก็ฟุ้งออกจากอวัยวะน้อยใหญ่ทุกส่วน เมื่อท่านเคลื่อนไหวกายเครื่องประดับช้องผมก็เปล่งเสียงกังวานน่าฟังไพเราะ ดุจดนตรีเครื่อง ๕ มาลัยประดับศีรษะที่ช้องผมถูกลมพัดไหว ก็ส่งเสียงกังวานไพเราะดุจดนตรีเครื่อง ๕ แม้พวงมาลัยบนศีรษะของท่านก็มีกลิ่นหอมหวนยวนใจ หอมฟุ้งไปทุกทิศ ดุจต้นอุโลกฉะนั้น
ดูก่อนเทพธิดา ท่านสูดดมกลิ่นที่หอมหวนเห็นรูปทิพย์ซึ่งมิใช่ของมนุษย์ ท่านถูกอาตมาถามแล้วโปรดบอกทีเถิด นี้เป็นผลของกรรมอะไร
       แม้เทพธิดานั้นก็ได้พยากรณ์แก่พระอนุรุทธเถระอย่างนี้ว่า ข้าแต่พระคุณเจ้าผู้เจริญ นางวิสาขามหาอุบาสิกาสหายของดิฉันอยู่ในกรุงสาวัตถี ได้สร้างมหาวิหารถวายสงฆ์ ดิฉันเห็นมหาวิหารและการบริจาคทรัพย์อุทิศสงฆ์ซึ่งเป็นที่รักของดิฉันเลื่อมใสในบุญนั้น จึงได้อนุโมทนาในบุญนั้นด้วย ดิฉันเห็นวิมานที่อัศจรรย์น่าทัศนา ก็ด้วยบุญอนุโมทนาอันบริสุทธิ์นั้นเอง วิมานลอยไปในเวหาเปล่งรัศมี ๑๒ โยชน์โดยรอบด้วยฤทธิ์ของดิฉัน ห้องรโหฐานที่อยู่อาศัยของดิฉัน อันบุญกรรมได้จัดไว้เป็นพิมพ์เดียวกัน ประหนึ่งเนรมิตไว้เป็นส่วนๆ เมื่อส่องแสงก็ส่องสว่างไปร้อยโยชน์โดยรอบทิศ อนึ่งที่วิมานของดิฉันนั้นมีสระโบกขรณีที่หมู่มัจฉาชาติอยู่อาศัยประจำ มีน้ำใสสะอาดปูลาดด้วยทรายทอง ดาดาษไปด้วยปทุมบัวหลวงหลากชนิดอันบุณฑริกบัวขาวรายล้อมไว้รอบ ยามลมรำเพยพัดก็โชยกลิ่นหอมระรื่นจรุงใจ มีรุกขชาตินานาชนิด คือ หว้า ขนุน ตาล มะพร้าวและวนะทั้งหลายเกิดเองภายในนิเวศน์ มิได้มีใครปลูก วิมานนี้กึกก้องไปด้วยนานาดนตรี เหล่าอัปสรเทพนารีก็ส่งเสียงเจื้อยแจ้ว แม้นรชนที่ฝันเห็นแล้วก็จะพึงปลื้มใจ วิมานมีรัศมีสว่างไสวไปทุกทิศ น่าอัศจรรย์จิตและน่าทัศนาเช่นนี้บังเกิดเพราะกุศลกรรมของดิฉัน ฉะนั้นจึงควรแท้ที่สาธุชนจะทำบุญกันไว้
      พระอนุรุทธเถระมีประสงค์ต้องการที่จะทราบว่านางวิสาขาไปบังเกิด ณ.ที่แห่งใด จึงได้เอ่ยถามนางเทพธิดาองค์นั้น
        เทพธิดานั้นจึงได้กล่าวแด่พระอนุรุทธเถระมีใจความดังนี้ ข้าแต่พระคุณเจ้าผู้เจริญ วิสาขามหาอุบาสิกานั้นเป็นเพื่อนหญิงของดิฉัน เธอรู้แจ้งธรรม(เป็นพระโสดาบัน บรรลุธรรมตั้งแต่อายุ 7 ขวบ) ได้ถวายทานได้ไปบังเกิดในสวรรค์ชั้นนิมมานรดี(สวรรค์ชั้นที่5) เป็นปชาบดีของท้าวสุนิมมิตนั้น วิบากแห่งกรรมของนางวิสาขามหาอุบาสิกานั้น อันใครๆไม่ควรคิด ดิฉันได้พยากรณ์ที่เกิดของนางวิสาขาที่พระคุณเจ้าถามว่านางวิสาขานั้นเกิดที่ไหน โดยถูกต้องดังนี้
          ฉะนั้นเราจะเห็นกันได้ว่า ผู้ใดเป็นผู้รู้ดี ผู้นั้นย่อมเป็นผู้เจริญ ผู้ใดเป็นผู้รู้ชั่ว ผู้นั้นย่อมเป็นผู้ที่เสื่อม เฉกเช่นเดียวกันกับคนพาล คนตระหนี่ ที่ไม่สรรเสริญการให้ทานย่อมจะไปสู่เทวโลกกับเขาไม่ได้เลย ส่วนบัณฑิตผู้มีปัญญาอย่างเช่นสหายของนางวิสาขามหาอุบาสิกา ที่อนุโมทนาบุญนั้น ย่อมเป็นผู้มีความสุขในโลกหน้า เพราะเหตุอนุโมทนาบุญนั้นนั่นแล

    เปลี่ยนบาปให้เป็นบุญ เปลี่ยนขาดทุนให้เป็นกำไร เปลี่ยนอะไรก็ไม่สำคัญเท่ากับเปลี่ยนใจของตน ให้มีความเห็นชอบและตรง(สัมมาทิฏฐิ)
ปรัชญาชีวิตจาก...สุธี ศรีพระรัตนตรัย

 อานิสงส์ของการบูชาพระพุทธเจ้าด้วยการจุดประทีบโคมไฟ

   
    การบูชาบุคคลที่ควรบูชาอันมีพระผู้มีพระภาคเจ้าซึ่งถือว่าเป็นปูชนีย์บุคคลที่สูงสุดนั้น ถือว่าเป็นอุดมมงคลอันสูงสุดนั้นย่อมทำให้ผู้บูชาได้รับอานิสงส์ที่ยิ่งใหญ่ไพศาลสุดที่จะประมาณได้ และทำให้เกิดสิริมงคลแก่ผู้กระทำการบูชา ทำให้เกิดปัญญาสว่างไสว มีสุคติโลกสวรรค์เป็นที่ไปและได้บรรลุมรรคผลนิพพานในที่สุดดั่งเช่นพระเอกทีปยเถระที่ได้กล่าวไว้ในพระไตรปิฏก
   พระเอกทีปยเถระนั้นเป็นพระอรหันต์ในครั้งพุทธกาลที่มีคุณวิเศษมากมาย ภายหลังจากที่ท่านได้สำเร็จพระอรหันต์แล้วก็ได้ระลึกชาติย้อนหลังดูว่าเคยทำกรรมอะไรไว้บ้าง จึงได้รู้ว่ามีอยู่ชาติหนึ่งท่านได้เกิดในสมัยของพระสิทธัตถพระพุทธเจ้า ภายหลังจากที่พระพุทธเจ้าได้เสด็จดับขันธ์ปรินิพพานแล้ว เหล่ามนุษย์และเทวดาทั้งหลายต่างบูชาพระสรีระของพระพุทธองค์ด้วยเครื่องสักการะบูชาชั้นเลิศ ทั้งดอกไม้ธูปเทียน เพชรนิลจินดา แก้วแหวนเงินทองหรือของมีค่า ต่างก็พากันนำออกมาเพื่อบูชาพระพุทธองค์ด้วยความเคารพเลื่อมใสศรัทธา เช่นเดียวกับมาณพหนุ่มท่านหนึ่ง เมื่อได้ตรึดระลึกนึกถึงพระคุณอันยิ่งใหญ่ของพระพุทธองค์แล้ว จึงหาวิธีที่จะบูชาพระสรีระของพระพุทธองค์ ท่านได้จุดประทีบเพียงดวงเดียวให้สว่างไสวเพื่อถวายเป็นพุทธบูชาอยู่ใกล้เชิงตะกอนของพระผู้มีพระภาคเจ้าจนกว่าพระอาทิตย์ขึ้น พร้อมกันนั้นก็ได้ส่งใจไปถึงพระผู้มีพระภาคเจ้า เจริญพุทธานุสติ มีพระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นอารมย์อยู่ตลอดเวลา
     ด้วยผลบุญกุศลที่มีในครั้งนั้น เมื่อมาณพน้อยละโลกไปแล้ว ก็ได้ไปบังเกิดเป็นเทพบุตรชื่อเอกทีปะ มีประทีปแสนดวงส่องสว่างอยู่ในวิมานของท่านตลอดเวลา วิมานของท่านจึงสวยงามสว่างไสวเป็นพิเศษ รัศมีกานของท่านแผ่ซ่านออกไปทั่วทุกทิศทุทางเหมือนพระอาทิตย์ที่กำลังส่องสว่างตลอดเวลา ที่น่าอัศจรรย์ยิ่งกว่านั้นก็คือ เมื่อมาเกิดเป็นมนุษย์ท่านสามารถมองเห็นได้ตลอดด้วยมังสจักษุคือตาเนื้อนี่แหละสามารถมองทะลุกำแพงภูเขาโดยรอบได้ถึงร้อยโยชน์ ท่านเสวยสุขอยู่ในเทวโลกถึง77ครั้ง ได้เป็นจอมเทพในสวรรค์อีก31ครั้ง ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ์อีก28ครั้ง เป็นจอมเทพในสวรรค์อีกครั้ง แล้วยังได้เป็นพระเจ้าประเทศราชอันไพบูลย์อีกมากมาย มาในชาตินี้เมื่อจุติจากนเทวโลก ได้มาบังเกิดในครรภ์มารดา นัยน์ตาของท่านแม้ยังอยู่ในครรภ์มารดาก็สามารถมองเห็นได้ตลอด ครั้นอายุได้เพียง4ขวบ ผลบุญนั้นก็ได้ส่งผลให้ท่านได้ออกบวชเป็นสามเณร บวชได้ไม่ถึงครึ่งเดือนท่านก็ได้บรรลุธรรมพร้อมด้วยทิพย์จักษุเป็นพระอรหันต์มีนามว่าพระเอกทีปยเถระ
        ฉะนั้นเราจะเห็นกันได้ว่า  การบูชาบุคคลพระผู้มีพระภาคเจ้าด้วยการจุดประทีบให้สว่างไสว ย่อมได้รับอานิสงส์ของการได้ที่มิใช่น้อยเลย ฉะนั้นจึงขอเชิญชวนท่านผู้มีจิศรัทธาทุกท่านได้ร่วมบำเพ็ญกุศลด้วยการเป็นเจ้าภาพดวงไฟที่ให้แสงส่องสว่างภายในศาลาพระแก้วมรกต เพื่อเป็นบุญกุศลและเป็นทุนหรือเสบียงไปสู่ภพหน้าอย่างเช่นพระเอกทีปยเถระดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น

        การแข่งรถถ้าออกสตราร์ทที่ช้าไป ก็ไม่สามารถนำรถเข้าสู่ชัยชนะได้ฉันใด ใจที่คิดทำบุญช้าไป ก็ไม่สามารถนำจิตไปสู่สุขคติเมื่อตอนจิตดับได้ฉันนั้น เพราะบุญและบาปเป็นของคู่กัน ขึ้นอยู่กับสิ่งไหนจะปรากฎเกิดขึ้นเมื่อตอนใกล้ตาย(จุติจิตคือจิตดวงสุดท้ายของภพชาตินี้ ก่อนที่จะเคลื่อนย้ายไปปฎิสนธิจิต เกิดในภพชาติใหม่ ถ้าจุติจิตเป็นกุศล ก็ไปเกิดในสุขคติภูมิ ถ้าเกิดเป็นอกุศลก็ไปเกิดในทุคติภูมิ)
ปรัชญาชีวิตจาก...สุธี ศรีพระรัตนตรัย